Review- Elden Ring Shadow of the Erdtree มหา DLC ที่พร้อมพาคุณไปพบแพทย์

เรตเกม PEGI: 16 เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไปเนื้อหาเสริมของสุดยอดเกมแห่งปีที่ว่ากันว่ามันดีและคุ้มค่าเงินทุกบาททุกสตางค์ยิ่งกว่าเกมใหม่จ่ายเต็มหลายๆเกมเสียด้วยซ้ำไป

Shadow of the Erdtree นั้นถือเป็นเนื้อหาเสริมตัวแรกและน่าจะเป็นตัวสุดท้ายของสุดยอดเกมแอ็คชั่นอาร์พีจีแห่งปีอย่าง Elden Ring โดยใจความสำคัญของมันจะเกี่ยวกับเรื่องราวในพื้นที่ทวีปแห่งใหม่นาม “ดินแดนเงาทมิฬ” (Realm of Shadow) ดินแดนที่ถูกพฤกษาทองบดบังซ่อนเร้นและถูกกวาดล้างแผดผลาญโดยไฟสงครามด้วยเพลิงแห่งเมสเมอร์ ที่แห่งนี้ถูกเล่าขานว่าเป็นสถานที่แห่งแรกซึ่งเทพธิดา มาริกา ย่างกรายและมันก็เป็นจุดหมายปลายทางของ มิเคล่า ผู้ปลดเปลื้องทั้งกายเนื้อ พลังอำนาจ เชื้อสายสูงส่ง รวมถึงละทิ้งทุกสิ่งอันเป็นสีทองอร่ามเอาไว้เบื้องหลังเช่นเดึยวกัน และบัดนี้ มิเคล่า เองก็กำลังเฝ้ารอคอยการกลับมาอีกครั้งของนายเหนือผู้ให้คำมั่นสัญญา นี่คือเนื้อหาคร่าวๆที่ทาง บันไดนัมโค ได้บอกกับเราไว้
สำหรับวิธีเดินตามรอย มิเคล่า เพื่อก้าวย่างเข้าสู่ดินแดนเงาทมิฬดังกล่าว มันก็มีเงื่อนไขง่ายๆอยู่เพียงแค่สองประการนั่นคือผู้เล่นจำเป็นต้องพิชิตปราบบอส “ราดาห์น” ขุนพลราชสีห์แดงผู้ครองพลังแรงโน้มถ่วง และกำราบบอส “ม็อก” ราชาแห่งเวทย์เพลิงโลหิตในเกม Elden Ring ภาคหลักลงให้ได้เสียก่อน หากปราบพวกมันได้ครบทั้งสองตัวเสร็จเรียบร้อยเหล่าผู้มัวหมองทั้งหลายก็จะสามารถเดินเข้าไปแตะแขนแห้งเหี่ยวที่ยื่นออกมาจากรังดักแด้ ณ สถานที่ที่เราปราบม็อกเพื่อใช้มันเดินทางวาร์ปไปยังดินแดนเงาทมิฬและเริ่มต้นเข้าสู่เนื้อหาของ DLC ได้ทันที
หากเทียบวัดขนาดไซส์ระหว่างแผนที่ดินแดนแห่งเงา กับแผนที่เก่าในดินแดนมัชฌิมาแล้ว ต้องบอกว่าขนาดแม็พของ DLC นั้นมันดูเล็กกว่าประมาณหนึ่ง ถึงไม่ได้ใหญ่โตมากมายแต่ก็ใหญ่พอให้เราขี่ม้าสำรวจกันอย่างอิ่มหนำสำราญ และแม้ว่าเส้นทางเมนหลักจะค่อยๆนำพาเรากินแดนบุกขึ้นสู่ทิศเหนือไปเรื่อยๆ แต่ระหว่างทางเราก็สามารถแอบลัดเลาะแวะเวียนลงใต้แฉลบออกซ้าย-ขวาไปสำรวจสิ่งต่างๆนอกถนนหลักได้อิสระตลอดเวลา มอบอารมณ์เดียวกับตอนเราสำรวจโลก Elden Ring ครั้งแรกเมื่อสองปีก่อน ต่างกันเพียงแค่คราวนี้ทุกอย่างมันอาจดูกระชับฉับไวรวดเร็วขึ้น ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะตัวละครของเราเก่งกาจพร้อมลุยทุกสถานการณ์ และเหตุผลอีกส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะการดีไซน์ถ้ำ ปราสาท ดันเจี้ยนต่างๆภายใน DLC ที่เหมือนทีมพัฒนาดูจะเร่งรีบรวบรัดตัดจบไปซักหน่อย โบราณสถานบางแห่งก็ทำเป็นห้องเล็กๆเดินเข้าไปไม่กี่ก้าวก็เจอบอสเลยไม่ต้องเสียเวลาสำรวจเดินหา ดันเจี้ยนลาวาที่อยู่ลึกลงไปใต้ดินก็แค่เดินเข้าไปสับสวิตช์เก็บของเสร็จแล้วออกมาไม่มีบอสหรือศัตรูตัวฉกาจให้เนื้อเต้น อีกทั้งบอสหลักตามเนื้อเรื่องบางตัวยังโผล่มาแบบแห้งๆไร้ฉากมูวี่คัตซีนเปิดตัวอลังการใดๆให้ขนลุก คือบางจุดมันดูเรียบง่าย รีบฟัน รีบฆ่า รีบกลับจนเกินไป ไม่ได้เกริ่นอารัมภบทอะไรมากมายนักซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาปกติของเนื้อหาส่วนเสริม
ไม่เพียงแค่ศัตรูหน้าใหม่ที่เราต้องเผชิญ ในเนื้อหา DLC นี้ยังมีอาวุธประเภทใหม่อีกกว่า 8 ชนิดที่ถูกใส่เพิ่มเข้ามา ไล่ตั้งแต่วิชาหมัดมวยต่อสู้ด้วยมือเปล่า, มีดบินที่ใช้ขว้างปาจากระยะไกล, ดาบคาตานะขนาดใหญ่ไซส์ยักษ์ฟาดทีหัวแบะ, ดาบคู่สลับทางถือจับปลายแหลมชี้ไปด้านหลังแบบนินจา แม้ว่าหลังๆชักจะเริ่มกลายร่างเป็นกงจักร, โล่ดวลรุก-รับที่ใช้ป้องกันก็ดีโจมตีก็ได้ ไปจนถึงขวดน้ำหอมที่สามารถถือคู่เสกเวทย์โจมตีสองธาตุไปพร้อมๆกันได้โดยไม่สูญเสียเกจ FP อีกทั้งมันยังมีเซตชุดเกราะ, คาถา, มนตรา, เครื่องราง และธุลีวิญญาณใหม่ๆที่รอให้พวกเราได้ค้นพบตามหาในดินแดนแห่งเงา เรียกว่ามันมีลูกเล่นของแปลกใหม่มากมายมาให้ผู้เล่นได้ลองสร้างบิลด์ตัวละครที่หลากหลายยิ่งกว่าเคย
ส่วนใครที่ชอบอะไรแบบเดิมๆพวกบิลด์เก่าๆที่เราเคยใช้ปราบบอสภาคหลักกลยุทธ์เหล่านั้นก็ยังคงใช้ได้ผลดีในพื้นที่ DLC อย่างตัวผู้รีวิวเองชอบใช้ดาบยาวคู่ซามูไร ข้างขวาถือดาบเขี้ยวยาว ข้างซ้ายถือดาบมือเทียมมาเลเนีย ด้วยระยะขอบเขตที่กว้างรวมถึงสปีดความเร็วในการฟันมันยังคงช่วยให้กระผมสามารถผ่านม็อบได้สบายเหมือนเช่นเคย แถมบางตัวช่วยเก่าๆเมื่อมาอยู่ใน DLC กลับเทพขึ้นไปกว่าเดิมอีกอย่างเจ้า Mimic Tear ธุลีวิญญาณที่ก็อปปี้ร่างของผู้ใช้งานพอจับมันมาคอมโบผสานร่วมกับไอเทมฟื้นฟูชนิดใหม่อย่าง “พรแห่งมาริกา” เมื่อเราพกไอเทมชิ้นนี้ติดตัวแล้วกดซัมมอน เจ้าร่างโคลนวิญญาณก็จะมียาเอาไว้เติมเลือดจนเต็มหลอดอยู่สู้เคียงข้างเราไปตลอดได้ยาวๆเลยทีเดียว
 ส่วนปัญหาเฟรมเรตดร็อปบน PS5 ที่ขึ้นๆลงๆแกว่งไปแกว่งมาไม่สามารถรักษาให้นิ่งคงที่ 60fps ได้ก็ยังคงมีให้เห็นอยู่ และสาเหตุตัวการสำคัญคงหนีไม่พ้นเจ้าต้นไม้ยักษ์ที่ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางแม็พนั่นเอง จากรุ่นคุณป้า Elden Ring ที่เคยเป็นต้นพฤกษาทอง ส่งต่อหลานชาย Shadow of the Erdtree กับต้นพฤกษาเงาที่ยังคงตามมาหลอกหลอนสูบทรัพยากร แต่หากเปรียบเทียบกับเวอร์ชัน PC ดูแล้วเราว่าเรื่อง Performance ฝั่งคอนโซลทำได้ดีกว่าเยอะ เพราะเห็นเหล่าผู้ใช้พีซีสเปคกลางๆหลายคนออกมาบ่นว่าเฟรมเรตของพวกเขาตกหนักร่วงยับจนแทบเล่นไม่ได้เลยนะ
ขึ้นชื่อว่าเนื้อหาเสริมอุปสรรคอะไรต่างๆมันก็ต้องยากขึ้นกว่าของเดิมเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว และสำหรับ Shadow of the Erdtree เองก็ไม่ต่างกัน ไม่ต้องพูดไปไกลถึงระดับบอสหรอกเอาแค่พวกลูกสมุนกีกี้ที่เดินเตร็ดเตร่อยู่ในดันเจี้ยนถ้าโดนพวกมันตีสองสามทีเราก็มีสิทธิ์ร่วงได้ไม่ว่าเกจเลือดของคุณจะยืดยาวสักเพียงใด เพราะหากลองสังเกตดีๆพวกมันจะมีการร่ายคาถาปกป้องคุ้มกันห่อหุ้มตัวเองหรือคำรามอัพพลังโจมตีก่อนเข้าปะทะเสมอในทุกๆครั้ง ซึ่งดูแล้วไม่ต่างจากตอนที่พวกเรายืนอัพพลังอยู่หน้าห้องบอสยังไงยังงั้นเลย และยิ่งถ้าพวกมันอยู่กระจุกรวมกันเป็นกลุ่มก้อนด้วยแล้วยิ่งไปกันใหญ่เพราะคุณจะได้เห็นพลังความสมัครสมานสามัคคีตัวนั้นบัฟให้ตัวนี้ ตัวนี้บัฟให้ตัวนั้น บรรลัยจนต้องใส่ตีนผีหนีลูกเดียว
อย่างไรก็ตาม ทางทีมผู้พัฒนา From Software พวกเขาก็ไม่ได้ใจร้ายไส้ระกำและเหมือนรับรู้ดีว่าระบบอัพเลเวลแบบเก่าที่ยิ่งสูงยิ่งตันจ่ายรูนครึ่งล้านไปแต่ได้ค่าสเตตัสเพิ่มกลับมาทีละนิดทีละหน่อยนั้นมันคงไม่พอรับมือมหันตภัยใน DLC ที่อัปเกรดแบบก้าวกระโดด ดังนั้นพวกเขาจึงคิดค้นนำเสนอระบบใหม่ขึ้นมาที่เรียกว่า Shadow Realm Blessing อันเปรียบเสมือนบัฟพิเศษถาวรที่คอยช่วยเหลือเหล่าผู้มัวหมองในดินแดนแห่งเงา โดยหากขยันขี่ม้าสำรวจตามฉากเราจะได้พบเศษ พฤกษาเงา ที่เอาไว้สะสมเพิ่มพลังโจมตีและลดทอนความเสียหายที่เกิดกับตัวละคร รวมไปถึงยังได้พบเศษ ธุลีวิญญาณ ที่ไว้ใช้สะสมอัพความแข็งแกร่งให้กับเหล่าวิญญาณที่เราซัมมอน โดยหลังจากอัพไปเพียงแค่ไม่กี่ขั้นคุณจะเริ่มรู้สึกได้ถึงความแตกต่างจากที่เคยต้องทำคอมโบเพื่อสังหารศัตรู ก็ลดลงมาเหลือเพียงตวัดมือแค่หนึ่งหรือสองทีเท่านั้น เรียกว่าช่วยได้มากเลยนะโดยเฉพาะค่าพลังโจมตีที่พุ่งพรวดขึ้นมาแบบผิดหูผิดตา แม้ว่าพลังฝั่งป้องกันมันจะไม่ได้เพิ่มสูงตามอย่างที่หวัง แต่การตีแรงขึ้นตีน้อยครั้งลงมันก็ช่วยให้เรามีสมาธิจดจ่อมีพลังสตามิน่าเหลือพอที่จะกลิ้งหลบหลีกให้รอดพ้นจากความตาย
สุดท้ายเรื่องการดีไซน์ออกแบบบอส ต้องบอกเลยว่าเหล่าบอสในภาคเสริมนี้ถูกสร้างมาเพื่อเอาใจผู้เล่นสาย Melee ระยะประชิดโดยเฉพาะ เพราะพวกมันจะพุ่งเข้ามาซัดวัดแลกกับคุณแบบซึ่งๆหน้า ไม่มีมาลีลาโอ้เอ้ให้คุณเหนื่อยวิ่งไล่จับเหมือนบอสในภาคหลักที่มักเข้าทางสายเวทย์เสียส่วนใหญ่ ลองจินตนาการนึกภาพถึง มาเลเนีย หรือ ก็อดฟรีย์ ดูนั่นแหละคือสไตล์บอสที่คุณจะพบเห็นได้บ่อยใน DLC ตัวนี้ ซึ่งความยากที่หลายคนบ่นอุบกันก็อยู่ตรงนี้แหละเพราะบอสเหล่านี้จะโจมตีถาโถมเข้าใส่คุณแบบไม่ยััง ไม่มีจังหวะให้คุณได้พักกินยาสบายๆ ต่อให้กลิ้งหลบเก่งยังไงก็โดน ยากถึงขนาดฮีโร่ในตำนานอย่าง Let me solo her/him ยังออกมายอมรับว่าปวดหัวในการจับจังหวะ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่คุณจะพบเห็นผู้เล่นออนไลน์หลายคนเริ่มปรับเปลี่ยนสไตล์ของตัวเองหันมานิยมถือโล่กันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากมันคงไม่มีกลยุทธ์ตั้งรับไหนดีมากไปกว่าการทำให้แดมเมจเป็นศูนย์อีกแล้วละ ว่ามั้ย?
“อาจพูดได้ว่า Shadow of the Erdtree มันคือเกม Elden Ring เวอร์ชันที่ดีกว่าที่พัฒนาปรับปรุงตามเสียงฟีดแบคเรียกร้องของแฟนๆ อะไรที่คนไม่ชอบก็ปรับแก้ลดทอนลง สิ่งใดที่คนโปรดปรานหรืออยากให้มีก็จัดหามาให้แบบเต็มเหนี่ยว นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เราจะขอมอบคะแนนเนื้อหาเสริมตัวนี้ให้สูงกว่าตัวเกมภาคหลัก และก่อนจากกันอยากฝากไปถึงกลุ่มผู้เล่นที่ชอบโชว์สกิลขิงใส่คนอื่นกล่าวหาว่าการใช้ฟีเจอร์ตัวช่วยในเกมเป็นสิ่งที่ผิด ซึ่งถ้าถามคุณ มิยาซากิ ถึงจุดประสงค์ในการสร้างเกมยากเขาคงไม่ได้ต้องการที่จะสรรเสริญยกย่องเชิดชูคนเก่งหรือเย้ยหยันผู้ที่อ่อนแอ แต่ที่เขาทำเกมยากขึ้นมาก็เพื่อให้ผู้เล่นทุกคนได้สามัคคีช่วยเหลือกันผ่านคอยแนะนำทางรอดทางลัดให้แก่กันไม่ว่าวิธีนั้นจะทำให้เกมดูง่ายดายสักเพียงใด เหมือนกับตอนที่ชาวบ้านช่วยกันคนละไม้คนละมือเข็นรถของ มิยาซากิ ให้เขาสามารถขับต่อไปข้างหน้าได้สบาย เพราะถ้าหากวินาทีนั้นต่างคนต่างอวดเก่งเอาแค่รถตัวเองให้รอดแล้วหันมาเยาะเย้ยถากถางคันอื่นๆ รถของคุณ มิยาซากิ ก็คงยังจมอยู่ในกองหิมะอย่างนั้นไม่มีวันรอดพ้นเนินขึ้นมาสรรค์สร้างตำนานเกมโซลไลค์ให้พวกอีโก้จัดตรรกะวิบัติได้สนุกกันอย่างทุกวันนี้”

เกมเพลย์ 10
กราฟิก 8
เสียง 8
ความคิดสร้างสรรค์         10
ความคุ้มค่า 10
ภาพรวม 9.2

ข้อดี: อุปกรณ์ของเล่นใหม่เพียบบิลด์ตัวละครได้หลากหลายขึ้น, แม็พแผนที่ DLC ใหญ่โตมีอะไรให้สำรวจเยอะกว่าเกมธรรมดาทั่วไป, แปลภาษาไทยครบถ้วนใช้คำราชาศัพท์ได้สลวยรื่นหู, มีฟีเจอร์พฤกษาเงา-ธุลีวิญญาณคอยช่วยเหลือมือใหม่, บอสท้าทายโคตรยากแต่ก็สู้ได้สนุกมาก (ยกเว้นเจ้าฮิปโป) และเทียบปริมาณเนื้อหากับราคาแล้วคุ้มสุดๆไปเลยข้อเสีย: บอสใหญ่บางตัวอยู่ๆก็โผล่ไม่ใส่อินโทรมาให้, ดันเจี้ยนบางแห่งสั้นกุดเกินไปเล่นแปบๆผ่าน, เฟรมเรตแกว่งไม่นิ่งลื่นไหลเท่าที่ควร และมุมกล้องที่ยังคงเป็นปัญหาโดยเฉพาะในที่แคบๆ Bandai Namco Entertainment

*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับรู้ข่าวสารวงการเกมครับ*
คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

เรตเกม PEGI: 16 เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไปเนื้อหาเสริมของสุดยอดเกมแห่งปีที่ว่ากันว่ามันดีและคุ้มค่าเงินทุกบาททุกสตางค์ยิ่งกว่าเกมใหม่จ่ายเต็มหลายๆเกมเสียด้วยซ้ำไป Shadow of the Erdtree นั้นถือเป็นเนื้อหาเสริมตัวแรกและน่าจะเป็นตัวสุดท้ายของสุดยอดเกมแอ็คชั่นอาร์พีจีแห่งปีอย่าง Elden Ring โดยใจความสำคัญของมันจะเกี่ยวกับเรื่องราวในพื้นที่ทวีปแห่งใหม่นาม “ดินแดนเงาทมิฬ” (Realm of Shadow) ดินแดนที่ถูกพฤกษาทองบดบังซ่อนเร้นและถูกกวาดล้างแผดผลาญโดยไฟสงครามด้วยเพลิงแห่งเมสเมอร์ ที่แห่งนี้ถูกเล่าขานว่าเป็นสถานที่แห่งแรกซึ่งเทพธิดา มาริกา ย่างกรายและมันก็เป็นจุดหมายปลายทางของ มิเคล่า ผู้ปลดเปลื้องทั้งกายเนื้อ พลังอำนาจ เชื้อสายสูงส่ง รวมถึงละทิ้งทุกสิ่งอันเป็นสีทองอร่ามเอาไว้เบื้องหลังเช่นเดึยวกัน และบัดนี้ มิเคล่า เองก็กำลังเฝ้ารอคอยการกลับมาอีกครั้งของนายเหนือผู้ให้คำมั่นสัญญา นี่คือเนื้อหาคร่าวๆที่ทาง บันไดนัมโค ได้บอกกับเราไว้สำหรับวิธีเดินตามรอย มิเคล่า เพื่อก้าวย่างเข้าสู่ดินแดนเงาทมิฬดังกล่าว มันก็มีเงื่อนไขง่ายๆอยู่เพียงแค่สองประการนั่นคือผู้เล่นจำเป็นต้องพิชิตปราบบอส “ราดาห์น” ขุนพลราชสีห์แดงผู้ครองพลังแรงโน้มถ่วง และกำราบบอส “ม็อก” ราชาแห่งเวทย์เพลิงโลหิตในเกม Elden Ring ภาคหลักลงให้ได้เสียก่อน หากปราบพวกมันได้ครบทั้งสองตัวเสร็จเรียบร้อยเหล่าผู้มัวหมองทั้งหลายก็จะสามารถเดินเข้าไปแตะแขนแห้งเหี่ยวที่ยื่นออกมาจากรังดักแด้ ณ สถานที่ที่เราปราบม็อกเพื่อใช้มันเดินทางวาร์ปไปยังดินแดนเงาทมิฬและเริ่มต้นเข้าสู่เนื้อหาของ DLC ได้ทันทีหากเทียบวัดขนาดไซส์ระหว่างแผนที่ดินแดนแห่งเงา กับแผนที่เก่าในดินแดนมัชฌิมาแล้ว ต้องบอกว่าขนาดแม็พของ DLC นั้นมันดูเล็กกว่าประมาณหนึ่ง ถึงไม่ได้ใหญ่โตมากมายแต่ก็ใหญ่พอให้เราขี่ม้าสำรวจกันอย่างอิ่มหนำสำราญ และแม้ว่าเส้นทางเมนหลักจะค่อยๆนำพาเรากินแดนบุกขึ้นสู่ทิศเหนือไปเรื่อยๆ…